Website
1166
facebook
twitterx
youtube
Instagram
pantip
TikTok
line
connect








“น้ำส้มเกล็ดหิมะ”ดับกระหาย คลายร้อน และสะอาดจริงหรือ !

07 ส.ค. 2549

          ขอน้ำส้มแก้วหนึ่งค่ะ” นางเอกสาวของเรื่องวางมาดนิ่ง สั่งเครื่องดื่มมาดับกระหาย

          อย่าเพิ่งตกใจค่ะคุณผู้อ่าน วันนี้ "ผู้จัดการออนไลน์” ไม่ได้นำเสนอละครรักหวานแหวว แต่จะพาไปสำรวจ "น้ำส้มเกล็ดหิมะ”เจ้าเครื่องดื่มยอดฮิตในท้องตลาด เรียกได้ว่าไปไหนเป็นอันต้องเจอ ถึงแม้จะเป็นหน้าหนาว แต่ตอนช่วงกลางวัน อากาศก็ร้อนอบอ้าวใช่เล่น ออกไปทานข้าวกลางวัน อาจได้เหงื่อกลับมา ถ้าได้ดื่มสักแก้วก็คงช่วยให้ดีขึ้น แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า เครื่องดื่มที่เราซื้อมาดื่มนี้จะสะอาด ปลอดภัย ไร้สารตกค้าง ใหม่สดทุกวัน และมีประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างที่โฆษณา
 
           ผลการสำรวจในเบื้องต้นของ "ผู้จัดการออนไลน์” พบว่า "น้ำส้มเกล็ดหิมะ” กำลังเป็นที่แพร่หลายอย่างมาก สาเหตุหนึ่งคงเป็นเพราะ"ราคา”ที่สะดวกซื้อ จำหน่ายเพียงแก้วละ 5-10 บาท หรือถ้าเป็นแบบใส่ถุงก็จะยืนพื้นอยู่ที่ถุงละ 5 บาทเท่านั้น อีกทั้งรูปแบบผลิตภัณฑ์ก็ชวนซื้อเพราะมีการผนึกปิดมิดชิด ไม่หกเลอะเทอะง่าย และไม่ได้ใช้หนังยางมัดปากถุงขายแบบในอดีต บวกกับก่อนขาย บรรดาพ่อค้าแม่ค้าได้นำไปแช่แข็งจนมีลักษณะแข็งคล้ายเกล็ดหิมะ เย็นชื่นใจเวลาดื่ม คุณสมบัติเบื้องต้นแค่นี้ที่ทำให้ติดตลาดได้เร็วและเป็นที่แพร่หลาย
 
           นายสุวัฒน์ เจ้าของร้านขายผลิตภัณฑ์น้ำส้มเกล็ดหิมะย่านท่าช้าง กล่าวว่าเดิมที่ร้านยังไม่เคยขาย แต่หลังจากที่ลูกชายที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนสันยานุกรณ์กลับมาบอกว่ามีคนนำมาขายหน้าโรงเรียนและลองกินแล้วมีรสชาติอร่อย ตนจึงติดต่อนำมาขายบ้าง ซึ่งปกติแล้วจะมีคนมาส่งทุกวัน วันละ 2 กล่อง บรรจุกล่องละ 40 แก้ว ราคาส่งจะอยู่ที่แก้วละ 3.50 – 4 บาท ในหนึ่งวันก็พอขายได้บ้าง แต่ถ้าอากาศเย็นจะขายไม่ค่อยดี
 
           ส่วนในเรื่องความสะอาดนั้น นายสุวัฒน์กล่าวว่าเคยสอบถามกับเจ้าของที่เป็นคนทำอยู่บ้าง ซึ่งเค้าก็รับรองได้ว่าเป็นน้ำส้มแท้ ไม่ใส่สี และสะอาด ซึ่งตอนนี้กำลังขอการรับรองตรา อย.อยู่ จึงค่อนข้างสบายใจที่จะรับมาขาย
 
           ต้อย แม่ค้าขาย"น้ำส้มเกล็ดหิมะ” มือสมัครเล่นอีกราย ย่านถนนพระอาทิตย์เผยที่มาที่ไปในการมาขายว่า ง่ายนิดเดียวเริ่มจากไปซื้อมากินก่อนแล้วเกิดติดใจในรสชาติ จึงลองโทรสั่งมาขายตามเบอร์ที่อยู่บนฝาแก้ว สั่งมาครั้งละ 100-200 แก้ว ใช้เวลาขาย 2-3 วันก็หมด ช้าบ้างเร็วบ้างตามแต่เวลาที่ออกมาตั้งขาย ซึ่งไม่ต้องใช้อุปกรณ์ในการขายอะไรมากแค่ถังสำหรับแช่น้ำส้มหนึ่งใบและเก้าอี้ไว้วางถังก็พอแล้ว
 
          "ลองสั่งมาขายแล้วหลายเจ้ามีอร่อยถูกปากเราบ้าง แต่บางที่ก็ไม่ถูกใจลูกค้า ก็ลองดูเปลี่ยนมาเรื่อยเพราะเป็นรายได้เสริม ปกติตกเย็นก็จะไปทำงานประจำคือสอนเต้นลีลาศแถวปิ่นเกล้าอยู่แล้ว เรื่องคุณภาพคิดว่าน่าจะปลอดภัยต่อคนซื้อ เพราะเรากินเองก่อนที่จะขาย ไม่เห็นเป็นไรก็เลยเอามาขาย และตั้งแต่ขายมายังไม่เคยเห็นมีใครมาบอกว่าท้องเสียหรือเป็นอะไรไปเลย”
 
           ด้าน นางพยูญ เจ้าของร้านขายน้ำส้มเกล็ดหิมะ บริเวณท่าน้ำวังหลัง กล่าวว่าน้ำส้มที่ขายอยู่นี้ รับมาจากคนรู้จักซึ่งทำกันเอง เป็นธุรกิจในครัวเรือน ไม่ได้ตั้งเป็นบริษัท ซึ่งเมื่อก่อนวันหนึ่งเคยขายได้จำนวนมาก แต่เดี๋ยวนี้มีพ่อค้าแม่ค้าหลายคนหันมาขายน้ำส้มกันมากขึ้นตอนนี้ที่ร้านจึงขายได้เพียง 100 แก้วต่อวันเท่านั้น มีบ้างเหมือนกันที่มีคนมาเหมาไปเป็นลังๆ แต่ก็ไม่บ่อยนัก 
 
          "เรื่องความสะอาดของน้ำส้มที่ร้านนี่รับรองได้เลย เพราะเคยไปดูเค้าทำถึงที่ ส่วนผสมที่เค้าใช้ก็จะมีน้ำส้มสด น้ำเชื่อม และเกลือ ไม่มีการใส่สาร และมีการบรรจุแบบแน่นหนา แต่เดี๋ยวนี้คนทำมีเยอะขึ้น ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าจะทำสะอาดเหมือนกันทุกที่หรือเปล่า ถ้าเกิดเค้ากินจากที่อื่นแล้วท้องเสีย มันก็จะเกิดผลกระทบต่อการค้าขายของเราด้วย เพราะลูกค้าก็จะคิดว่ากินน้ำส้มแบบนี้แล้วไม่ดี” นาง พยูญ กล่าว
 
           ด้านผู้บริโภคอย่าง น.ส.อาจรีย์ บุตรเสรี นศ.ปี 2 คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่าตนเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบการทานน้ำส้มเกล็ดหิมะ เคยกินมาแล้วทั้งแบบที่บรรจุเป็นแก้ว และเป็นถุง แต่ก็จะมีเป็นบางเจ้าเท่านั้นที่มีรสชาติอร่อย โดยส่วนตัวแล้ววิธีการเลือกก็จะดูจากลักษณะร้าน และบรรจุภัณฑ์ที่ดูสะอาด ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยทราบมาก่อนว่าการทานน้ำส้มแบบนี้อาจจะทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ ซึ่งต่อไปนี้ก็จะได้ระวังมากขึ้น แต่คงไม่ถึงกับเลิกทานไปเลย แต่น่าจะเลือกร้านที่ทานให้ดีกว่าเดิมมากกว่า
 
          น.ส.พุทธชาด วรรณสว่าง นศ.ปี 4 คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่าปกติก็ซื้อทานอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลากลางวันที่อากาศร้อน พอทานแล้วมันก็ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้มาก ส่วนหนึ่งที่ชอบก็เป็นเพราะหาซื้อได้ง่าย อย่างเช่นที่ท่าพระจันทร์ หรือบางทีพอมีงานก็จะมีเข้ามาขายข้างในมหาวิทยาลัย ราคาก็จะอยู่ที่ขนาดของแก้ว ถ้าเป็นแก้วใหญ่ก็ 10 บาท แก้วเล็ก 5 บาท ซึ่งเวลาซื้อก็จะดูที่การบรรจุว่าต้องมีฝาปิด แต่ถ้าเป็นถุงพลาสติกก็จะไม่ซื้อเพราะไม่มั่นใจในความสะอาดเท่าไหร่
 
          ส่วนการที่สินค้าชนิดนี้มีราคาถูก นส.อาจรีย์ แสดงความเห็นว่าน่าจะเป็นเพราะเวลาทำใส่น้ำส้มแท้เพียงเล็กน้อย นอกนั้นก็จะเป็นน้ำเชื่อม และอัดน้ำแข็งมากๆ หรือไม่ก็มีกระบวนการทำที่ไม่สะอาด ต้นทุนทำจึงต่ำและส่งมาขายได้ในราคาถูก ซึ่งหากมีการตรวจสอบจริงๆ แล้วพบว่าการทานน้ำส้มชนิดนี้เป็นอันตรายจริงๆ ต่อไปก็คงพยายามหลีกเลี่ยง ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็คงไม่ซื้อมาทาน
 
          ด้าน น.ส.อาราวัณ รัตนสุนทร อายุ 29 ปี อาชีพพยาบาลโรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่า ปกติแล้วตนไม่ค่อยทาน เพราะไม่ไว้ใจในเรื่องความสะอาด จริงอยู่ว่าบางร้านอาจจะมีรูปลักษณ์ภายนอกดูดี สะอาด แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าตอนผลิตเค้าทำแบบไหน อีกอย่างเท่าที่สังเกตยังไม่มีเจ้าไหนที่มีตรา อย.รับรองเลย จึงไม่กล้าเสี่ยง ถ้าอยากทานน้ำส้มจริงๆ ก็จะเลือกซื้อที่เป็นน้ำส้มคั้นสดๆ มากกว่า
 
          "เคยทราบมาเหมือนกันว่าการทานน้ำส้มแบบนี้อาจจะเกิดอาการท้องเสียได้ ซึ่งพอดีว่าส่วนหนึ่งตนทำอาชีพพยาบาลจึงต้องใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ เคยทานอยู่บ้างครั้งหนึ่งก็รู้สึกว่าทานแล้วลิ้นจะชาๆ ซึ่งก็น่าจะเกิดจากการใส่สารอะไรลงไปในน้ำส้ม หลังจากนั้นเลยไม่กล้ากินอีก” นส.อาราวัณ กล่าว
 
          "สมจิตร” พนักงานขายกระเป๋าร้านค้าย่านบางลำพู บอกว่า ปกติจะไม่ค่อยซื้อดื่มเพราะไม่มั่นใจในความสะอาด ถึงแม้จะแพ็คมาเรียบร้อยแล้วก็ตาม จะซื้อมาดื่มตอนที่อากาศร้อนจัดๆและต้องการความสดชื่นเท่านั้น โดยจะดูที่สีและตะกอนที่ตกก้นแก้วประกอบการซื้อด้วย อีกทั้งยังบอกว่า แปลกใจเหมือนกันที่น้ำส้มขายในราคาถูกได้ แต่คิดว่าคนขายคงใช่น้ำส้มคั้นน้อยหน่อยแล้วเติมน้ำเชื่อมไปมากกว่า เพราะถ้าเป็นน้ำส้มสดแท้ทั้งแก้วส่วนมากจะขายอยู่ที่ราคาแก้วละ 20-30 บาท
 
          ประโยชน์มีแน่ ถ้าเป็นน้ำส้มแท้

          อันที่จริงแล้วประโยชน์ของน้ำส้มนั้น มีประโยชน์ต่อร่างกายค่อนข้างมากโดยเฉพาะน้ำส้มแท้ร้อยเปอเซ็นต์ ที่ไม่มีน้ำ น้ำตาล หรืออย่างอื่นมาเจือปนเลย ประโยชน์ขั้นพื้นฐานที่ได้คือ วิตามินซี อีกทั้งยังมีองค์ประกอบอื่นๆอีกด้วย อาทิ ธาตุโพแทสเซียม กรดโฟลิก สารเพ็กทิน และเส้นใยอาหาร ที่เราจะได้รับจากการทานส้มทั้งลูกโดยไม่คั้นเอาแต่น้ำ ในการค้นพบล่าสุดพบว่าในน้ำส้มยังมีสารธรรมชาติพิเศษ มีชื่อว่า ไลมอนอยด์ (limonoids)
 
          สารกลุ่มไลมอนอยด์ เป็นสารประกอบทางชีววิทยาที่พบเป็นปริมาณมาก ในผลไม้ตระกูลส้ม และมีฤทธิ์นานาประการ รวมทั้งมีผลเป็นสารต่อต้านมะเร็งด้วย ในการทดลองกับเซลล์มะเร็งของมนุษย์ และเซลล์เนื้องอกในสัตว์ทดลองพบว่า สารดังกล่าวนี้มีประสิทธิภาพในการสู้รบ กับมะเร็งในช่องปาก คอ ปอด กระเพาะอาหาร ลําไส้ ผิวหนัง ตับ และเต้านม พูดง่ายๆ ก็คือ ปราบมะเร็งร้ายเกือบทุกชนิดเลยทีเดียว
 
 
เว็บไซต์ที่มา : http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=2000000047756  
แหล่งที่มา    : เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ