Website
1166
facebook
twitterx
youtube
Instagram
pantip
TikTok
line
connect








ภูมิแพ้ ภัยเงียบของคนอยู่ดีกินดี

13 ก.ค. 2549

          ปัจจุบัน มีคนไทยป่วยเป็นโรคภูมิแพ้และหอบหืดเพิ่มขึ้นมากทุกปี โดยพบว่า ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้และหอบหืดมีมากถึงร้อยละ 40 และร้อยละ 10 ของประชากรไทยทั้งหมดตามลำดับ ในจำนวนนี้ ผู้ป่วยโรคหอบหืดส่วนใหญ่ร้อยละ 80 มักจะมีโรคภูมิแพ้แฝงอยู่และผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้มีโอกาสเป็นโรคหอบหืดได้มากกว่าคนปกติถึง 3 เท่า
 
          ดังนั้น หากไม่ได้รับการรักษาโรคทั้งสองชนิดนี้ควบคู่กันไป อาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา และทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตด้อยลง ไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันหรือเล่นกีฬาได้ตามปกติเช่นคนทั่วไป
 
          สำหรับรายละเอียดและที่มาที่ไปของโรคนั้น ศ.นพ.ปกิต วิชยานนท์ นายกสมาคมโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันวิทยาแห่งประเทศไทย อธิบายว่า โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่เกิดจากการที่ร่างกายมีปฏิกิริยาตอบโต้กับสิ่งต่างๆ ที่อยู่แวดล้อมตัวเราแตกต่างไปจากคนปกติ ทำให้ผู้ป่วยต้องลางานหรือขาดเรียนจากโรคแพ้อากาศและโรคภูมิแพ้อื่นๆ และยังอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ 
  
          นอกจากนี้ โรคภูมิแพ้ยังเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย เฉพาะโรคหอบหืดอย่างเดียวทำให้ไทยต้องเสียงบประมาณไปกับการรักษาพยาบาลผู้ป่วยเหล่านี้เป็นจำนวนถึง 3,600 ล้านบาท(ข้อมูลไม่เป็นทางการจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในปี 2544)
 
         "สิ่งที่สำคัญของผู้ป่วยก็คือ ต้องรู้จักดูแลตนเองอย่างถูกต้องและเหมาะสม หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้เกิดอาการแพ้ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ที่สามารถรักษาโรคภูมิแพ้และหอบหืดได้ควบคู่กันได้ ก็จะทำให้ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และยังช่วยลดภาระของครอบครัวในการดูแลรักษา และลดการสูญเสียรายได้ทางเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่งด้วย” 
 
          ศ.นพ.ปกิตอธิบายเพิ่มเติมว่า สำหรับสาเหตุของโรคภูมิแพ้นั้น เกิดจากพันธุกรรมเป็นปัจจัยหลัก และมีสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น สารแพ้จากไรฝุ่น แมลงสาบ หญ้า หรือแมลง เป็นต้น เป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้อาการของโรคภูมิแพ้รุนแรงมากขึ้น ในปัจจุบันเชื่อกันว่า ผู้ที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกลับมีโอกาสเกิดโรคสูงขึ้นตามไปด้วย
 
          ทั้งนี้ ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงของโรคนี้ ได้แก่ ผู้ที่มีบิดามารดาป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ โดยสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกระดับชั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีฐานะทางเศรษฐกิจในระดับปานกลางถึงสูง ผู้ที่อาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ การสัมผัสกับสารแพ้บางชนิด การสูบบุหรี่ เป็นต้น 
 
          ส่วนยาที่ใช้ในการรักษาโรคภูมิแพ้และหอบหืดมีอยู่สองประเภทหลักๆ คือ ยาชนิดพ่นและยาชนิดรับประทาน สำหรับยาชนิดพ่นนั้นมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ใช้พ่นเข้าทางจมูกและรักษาได้เฉพาะโรคภูมิแพ้ หากมีอาการของโรคหอบหืดด้วย ผู้ป่วยต้องใช้ยาพ่นสำหรับรักษาโรคนี้เพิ่มอีกหนึ่งตัว 
 
          นอกจากนั้น หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานจะมีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้ป่วยเด็ก หากใช้ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์นานเกินไป ฤทธิ์ยาจะไปหยุดการเจริญเติบโตของกระดูก่อนวัยอันควร ส่งผลให้เด็กตัวเตี้ย ส่วนยาชนิดรับประทานนั้น ได้มีการพัฒนาให้ใช้ได้สะดวกขึ้นและปราศจากสเตียรอยด์ โดยรับประทานวันละ 1 เม็ดเท่านั้น แต่สามารถรักษาได้ทั้งโรคภูมิแพ้และหอบหืดควบคู่กันไป โดยมีประสิทธิภาพการรักษาเทียบเท่ายาชนิดพ่น 
 
 
เว็บไซต์ที่มา : http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9490000089066
แหล่งที่มา    : เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ