Website
1166
facebook
twitterx
youtube
Instagram
pantip
TikTok
line
connect








คคบ. ลงดาบผู้ประกอบธุรกิจละเมิดสิทธิผู้บริโภค เรียกเงินคืนกว่า 1.6 แสนบาท

31 ม.ค. 2566


วันอังคารที่ ๓๑ มกราคม  ๒๕๖๖ เวลา ๑๓.๓๐ น. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี(นายอนุชา นาคาศัย) ประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (คคบ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ ณ ห้องประชุม ๓๐๑ ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร

 

จากการประชุม ได้มีมติให้ดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจด้านสินค้าและบริการทั่วไป จำนวน ๔ เรื่อง (สั่งผลิตโต๊ะไม้สัก  ติดฟิล์มรถยนต์ จ้างดูแลผู้สูงอายุและซื้อคอมพิวเตอร์) รายละเอียด ดังนี้

 

ดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจด้านสินค้าและบริการ รวมจำนวน ๔ เรื่อง

๑.    กรณีผู้บริโภคได้สั่งผลิตโต๊ะไม้สักวงกลมพร้อมชุดเก้าอี้และชุดกระจกจากผู้ประกอบการแห่งหนึ่ง จำนวน ๖ ชิ้น ในราคา ๓๔,๐๐๐ บาท ผ่านเฟซบุ๊ก โดยชำระเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ ภายหลังรับสินค้า พบว่า เก้าอี้ ๒ ตัว และโต๊ะ ๒ ตัว มีรอยแตก เมื่อนำไปประกอบ พื้นผิวไม่เสมอกันจึงได้ติดต่อไปยังผู้ประกอบการเพื่อขอคืนสินค้า แต่ได้รับการปฏิเสธ หลังจากการเจรจาไกล่เกลี่ยจากคณะอนุกรรมการฯ แล้วเห็นว่าคู่กรณีทั้งสองฝ่ายตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยผู้ประกอบการยินดีคืนเงิน จำนวน ๓๑,๐๐๐ บาท แบ่งชำระ ๒ งวด งวดแรกจำนวน ๑๖,๐๐๐ บาท งวดที่สอง จำนวน ๑๕,๐๐๐ บาท  และให้ผู้ประกอบการนำสินค้าไปจำหน่ายต่อได้ และหากผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมด ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้อีเมลและรหัสผ่านส่วนบุคคล อันถือได้ว่าเป็นการระบุตัวตนและเป็นการลงลายมือชื่อตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔  ต่อมาร้านค้าไม่ชำระเงินตามข้อตกลง จึงเป็นการกระทำผิดสัญญาและละเมิดสิทธิของผู้บริโภค  มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งแก่ผู้ประกอบการ เพื่อบังคับให้คืนเงิน ๓๑,๐๐๐ บาท ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย

๒.    กรณีผู้บริโภคพบเห็นข้อความโฆษณาผ่านเพจเฟซบุ๊กของบริษัทแห่งหนึ่ง ว่า "ติดฟิล์มด้วยสติกเกอร์สำหรับรถยนต์โดยเฉพาะ ไม่กินสีรถเดิม ไม่ทิ้งคราบกาวตอนลอกออก” จึงได้นำรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนซ์ รุ่น c ๑๘๐ COUPE  ใช้บริการติดฟิล์มเปลี่ยนสีรถยนต์ เป็นเงิน ๒๕,๐๐๐ บาท ภายหลังใช้งานประมาณ ๖ – ๗ เดือน จึงนำรถยนต์ไปให้บริษัทฯ เดิมนำฟิล์มเปลี่ยนสีรถยนต์ออก ปรากฏว่าสีของรถยนต์และแลคเกอร์หลุดลอก ทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหายหลายจุด จึงขอความเป็นธรรม ทั้งนี้ ผู้บริโภคได้นำรถยนต์คันดังกล่าวไปประเมินราคาค่าซ่อมสีหลายจุด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒๗,๐๐๐ บาท  จากการพิจารณาแล้วเห็นว่า การใช้ข้อความของบริษัทฯ ในการโฆษณาหรือคำรับรองดังกล่าว เป็นเหตุให้ผู้บริโภคเข้ารับบริการถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา ถือได้ว่าบริษัทฯ เป็นฝ่ายผิดสัญญาและละเมิดสิทธิของผู้บริโภค มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งแก่ผู้ประกอบธุรกิจ เพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน ๒๗,๐๐๐ บาท  พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมา

๓.       กรณีผู้บริโภคได้ทำสัญญาว่าจ้างดูแลผู้สูงอายุกับห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่ง โดยชำระค่ามัดจำจำนวน ๖,๐๐๐ บาท และค่าจัดหาพนักงานเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินจำนวน ๑๘,๐๐๐ บาท ต่อมาห้างได้จัดส่งพนักงานมาดูแลผู้สูงอายุได้ ๑ เดือน และพนักงานลาออก ผู้บริโภคจึงแจ้งให้ห้างฯ ทราบ แต่ไม่สามารถติดต่อได้จึงขอความเป็นธรรม  มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งแก่ผู้ห้างหุ้นส่วนจำกัด เพื่อให้คืนเงินให้แก่ผู้บริโภค จำนวน ๑๘,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย

๔.       กรณีผู้บริโภคซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจได้ร้องทุกข์ต่อสำนักงานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดสมุทรปราการว่า ได้ทำสัญญาซื้อคอมพิวเตอร์ประกอบใหม่ทั้งชุดพร้อมลงโปรแกรมออฟฟิศกับบริษัทแห่งหนี่ง ในราคา ๘๔,๙๒๐ บาท แต่ไม่สามารถใช้งานได้ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย จึงขอความเป็นธรรม จากการประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่าคู่กรณีทั้งสองฝ่ายตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยบริษัทฯ ยินดีคืนเงินจำนวน ๘๔,๙๒๐ บาท เข้าบัญชีธนาคารผู้บริโภค และตกลงชดเชยความเสียหายโดยให้อุปกรณ์ได้แก่ ๑) ปลั๊กไฟ ๒) อุปกรณ์ทำความสะอาดคอมพิวเตอร์ ๒ ชิ้น ๓) คีย์บอร์ดมินิ ๔) ลำโพงบลูทูธ ๒ ชิ้น ๕) แผ่นรองเม้าส์ ๖) แฟลชไดร์ฟ ๒ ชิ้น ๗) พาวเวอร์แบงค์ ๘) แผ่นรองเม้าส์เกมมิ่ง ให้กับผู้บริโภค ต่อมาผู้บริโภคแจ้งว่า บริษัทฯ ไม่ดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว การกระทำดังกล่าวจึงเป็นกระทำผิดสัญญาและละเมิดสิทธิของผู้บริโภค  มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งแก่บริษัทฯ เพื่อบังคับให้คืนเงินให้แก่ผู้บริโภค จำนวน ๘๔,๙๒๐ พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย และบังคับให้ส่งมอบอุปกรณ์ต่างๆ ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย      

 

 

ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ ได้มีการดำเนินคดีแพ่ง
แก่ผู้ประกอบธุรกิจที่ละเมิดสิทธิผู้บริโภค รวมจำนวน ๔ ราย โดยบังคับให้ผู้ประกอบธุรกิจคืนเงินให้แก่ผู้บริโภค
เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น ๑๖๐,๙๒๐ บาท (หนึ่งแสนหกหมื่นเก้าร้อยยี่สิบบาทถ้วน) พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย


( กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ )